แผนการเดินทางเริ่มจาก Tokyo

14 กุมพา เราถึง โตเกียวเกือบบ่าย เก็บสัมภาระไว้บ้าน และออกมากินข้าวกัน มื้อแรกกับ ร้านอาหารอิตาเลี่ยน สไตล์ญี่ปุ่น แต่เพื่อนญี่ปุ่นบอกว่า คนอิตาเลี่ยนไม่ชอบกิน ร้านนี้อยู่แถว azabujuban station เอารูปให้คนแถวนี้ดู ก็น่าจะหาเจอ เดินไม่ไกลจากสถานีรถไฟ 1 ชาม มี 3 ขนาดให้เลือก เล็ก กลาง ใหญ่ แต่ราคาเท่ากัน ราคาประมาณ 1000 เยน ปริมาณอาหาร เล็ก กลาง ใหญ่ ทำให้เรารู้สึกว่า จะสั่งขนาดไหนมาก็ตาม เราต้องกินให้หมด เพราะเค้า ให้เราเลือกแล้ว ความรู้สึกส่วนตัว ถ้ากินไม่หมดจะรู้สึกผิดมากเลย แต่ปกติเราเลือก ขนาดใหญ่ เพราะความหิว แต่จะบอกว่า มันใหญ่มากจริงๆ นะ…มัน อิ่ม มาก! อิ่ม เกิน ไป!

สำรวจงานตัวเองนิดนึง Monocle Magazine ยังคงอัปเดต BT bag อย่างต่อเนื่อง

15 กุมภา Shopping time

นุ้ย เป็นเพื่อนตั้งแต่มัธยม คบกันมาไม่ตำ่กว่า 15 ปี ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะกล้ามากับเรา ปกติ Bellta ไม่ชอบ shopping ไม่ชอบไปวัด ไม่ชอบไปที่คนเยอะวุ่นวาย แต่บางครั้ง ไปบ้าง ก็ไปได้ วันนี้ เริ่มจาก Shinjuku Harajuku Omotesando และ Shibuya

Shopping กระจุยบวกกระจาย เพราะบินมา ไม่เอาอะไรมาเลย จะไป Hokkaido แต่บินมาพร้อมกระเป๋าที่เบามาก เพราะทุกอย่างมาหาเอาข้างหน้าล้วนๆ แล้วก็เพิ่งรู้ว่า ไอกระดาษที่ปิดหน้าตอนลอง เสื้อผ้า เค้าให้มาปิดหน้าเพื่อป้องกันเครื่องสำอางเลอะเสื้อผ้านั้นเอง

Soba ร้านโปรด ร้านนี้อยู่แถว Omotesando ทั้งร้านภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ เอารูปให้คนแถวนั้นดู ก็จะได้กิน มาร้านนี้ เป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ยังหลงลืมทางอยู่ดี 555

จบไป 1 วัน ที่ Shibuya เพิ่งรู้ว่ามุมนี้คือมุมหลักของนักท่องเที่ยว

เช้าวันที่ 16 กุมภา

วันนี้เราจะไป Tochigi กัน เช้านี้กินปลา กับ ข้าว ร้านโปรดอีกแล้ว ร้านนี้อร่อยมากนะ ข้าวดี ปลาดี ตะเกียบดี คือตะเกียบมันจะแหลมๆ เพื่อนบอกว่า ตะเกียบแหลมๆเอาไว้กินปลา ถ้าตะเกียบแหลมขนาดนี้ แสดงว่า ร้านนี้ปลาดี ข้าวก็ คุณภาพดี ร้านนี้ขายปลาล้วนๆ แต่หลายชนิด เอาไปย่าง หอม อร่อยมากๆ ข้าว สามารถขอเพิ่มได้ด้วย สั่งอาหารก็มั่วเลย ก็ไม่รู้ที่กินไปนั้น มันคือปลาอะไรเหมือนกัน I don’t know what is kind fish but I can eat it ^^

Only Japanese บิลนี่วาดอะไรมาก็ไม่รู้นะ 555

ต่อด้วยวัดอาซากุสะ (Sensoji Temple)
เพื่อนทำอะไร เราก็ทำตามคะ นุ้ยมันสายวัด ชอบไหว้พระไหว้เจ้า มากับนาง ก็เลยได้เข้าวัดกับเค้าบ้าง

Takoyaki เราว่าก็อร่อยทุกร้านแหละ คืออยู่ญี่ปุ่นแล้วอะ บางทีไม่ต้องไปยึดติดว่าต้องกินร้านนั้นร้านนี้มาก เห็นร้านไหนที่คิดว่าอร่อย ก็กินไปเหอะ ถ้าอร่อยก็คืออร่อย ถ้าไม่อร่อยก็คือไม่อร่อย แค่นั้นเอง 55

I don’t know what is button left? but I select button right, It is ok! clean 555

นี้คือปัญหาหนึ่ง จนตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เราเดาว่าปุ่มขวา คือตอนเข้าส้วมเสร็จ ปกติชักโครกจะล้างเอง แต่มันก็ไม่ล้าง ทำทุกอย่างที่น่าจะเป็นไปได้ ลองกด ลองเอามือไปอังๆ แถวชักโครก เผื่อจะเป็นการสแกน ชักโครกก็ ไม่ทำงาน ก็เหลือแค่ 2 ปุ่มนี้ เดาว่า ปุ่มขวา พอกดลงไป ชักโครกก็ทำงาน คือดีใจมาก เพราะใกล้เวลารถบัสไป Mashiko แล้วด้วย คือคิดอยู่ว่ากดลงไปแล้วไม่รู้ว่านำ้จะพุ่งขึ้นมามั้ย เราจะเปียกหรือเปล่า ได้แต่เดา จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่า ปุ่มซ้าย คืออะไร 555

คือจะไป บ้านเพื่อน เป้าหมายคือ Mashiko town bus stop คือแบบมันง่ายมาก ง่ายจนไม่แน่ใจ รู้ๆกันอยู่ว่า เรื่องของเวลาในญี่ปุ่นนั้น เป๊ะมาก ไม่ว่าจะรถอะไรก็ตาม รวมถึงรถบัสโดยสาร คนขับต้องทำเวลาให้บาลานซ์ ถ้าถึง ก่อนเวลาก็จะขับช้าลง ถ้าล่าช้าก็จะขับเร็วขึ้น เพื่อไปให้ถึง Bus stop ตามเวลา

Tokyo to Tochigi is Akihabara to Mashiko เรามาขึ้นรถบัสที่ Akihabara to Mashiko เวลา 17.00 PM ละคือ Akihabara St. เป็นสถานีใหญ่มาก คือก็ไม่รู้ต้องซื้อตั๋วก่อนมั้ย ซื้อตรงไหน Bus stop ก็มีหลายที่ ต้องขึ้นตรงไหน อะไร ยังไง ไม่รู้เรื่องเลย นี้คือครั้งแรก เพราะครั้งที่แล้ว เราไปรถไฟ สรุปก็ถามล้วนๆ ลองขึ้นรถบัสไปถามทุกคันเลย ตลกดี

I want go to Mashiko? This bus go to Mashiko? คนเขาก็ช่วยเหลือดีมาก บอกว่าให้รอตรงนั้นตรงนี้ 5 โมงรถมา แค่นั้น เราก็ อ๋อ มันง่ายๆแค่นี้ พอ 5โมง คนก็มายืนรอกัน รถก็มา ขึ้นรถไปก็ไปจ่ายเงินบนรถ ง่ายๆแค่นี้ 555

Thai or English or Japanese I don’t care but We are friend and understand together by mind and smiley กลับมาที่ฟาร์มอีกครั้ง หลังจาก 2 เดือน

[wwoofjapan] เก็บผัก Organic ที่ Tochigi, รู้จัก Moka city, เที่ยว Mashiko town : Autumn in Japan 2015 Past 10

มาถึง Mashiko Naofumi (ขวาสุดเห็นครึ่งหน้า) and Kanji (ลูกชาย) ก็ขับรถมารับ คือครั้งที่แล้วมาเป็นชาวสวน ชาวไร่ มารอบนี้ มาในฐานะเพื่อน ที่เหมือนรู้จักกันมานาน 555 รวมถึง Shimpei ก็มาพบเราด้วย นางขับรถมาจาก Moka นะคะ รู้สึกเหมือนกลับมาบ้านเพื่อน ที่มีเพื่อนบ้านมากมายที่รู้จักกัน

I cooking Tom Yum Kung!!!

มารอบนี้ Bellta ทำอาหารให้กินนะคะ ต้มยำกุ้งนะคะ เลือกเห็ดอะไรมาไม่รู้ หน้าตาออกมาดำไปหน่อย แต่ดีที่ซื้อผักคืนชีพมาจากไทย แล้วก็เอาผงต้มยำมาด้วย รสชาติก็เบสิคคะ เหมือนต้มมาม่า แบบว่าผงต้มยำ ก็เหมือน ผงมาม่า เพิ่งเข้าใจว่าการทำอาหาร สำคัญก็ตรงเครื่องปรุง รอบนี้ก็เลยหิ้วมาหลายผงเลย 555

Everybody can eat my food, Thank you so much! ทุกคนก็ทานกันอย่างอร่อยคะ ขอบคุณทุกคนมากๆ

เราทำมันเอง 2 เดือนที่แล้ว เราหว่านเมล็ดตรงนี้ ตอนนี้มันโตขึ้น อย่างสวยงาม

พวกเขาสร้างมันด้วยตัวเอง เพื่อปกป้องเครื่องจักร ที่ใช้ทำการเกษตร

Naofumi is farmer

This is training strawberries picking and eat by myself, Naofumi told me Strawberries at Tochigi is the best and this is strawberries season in Japan, So I must go…picking and eat by myself!!

Naofumi สอนวิธีการกินสตอเบอรี่ให้อร่อยคะ นางบอกว่าให้เลือกสีเมล็ดเล็กๆตรงสตอเบอรี่สีแดง เพราะหวานกว่าสีน้ำตาล อ่อนๆ แล้วเวลากินให้ดึงใบเขียวๆออกก่อน แล้วกินทางด้านนั้น ก็เพิ่งรู้นะว่าต้องกินจากตรงนั้น ปกติคนเราเวลา กินสตอเบอรี่ชอบกินจากตรงปลาย แถมทิ้งตรงส่วนหัวซะ ทั้งๆที่เป็นส่วนที่หวานที่สุด

* ที่ Chiba ก็มี สตรอเบอรี่เยอะเหมือนกัน ส่วนใหญ่ เก็บสตรอเบอรี่กินอยู่ 2 ที่ใหญ่ๆ คือ Tochigi และ Chiba, Chiba ก็คือพื้นที่เดียวกับ Narita airport ถ้าขึ้น-ลงเครื่องบินที่ Narita สามารถไปเก็บกินสตรอเบอรี่กินที่ Chiba ได้

ร่ำลา มีเวลามาพักได้แค่คืนเดียวเอง ต้องจากกันอีกแล้ว We are happy together only 1 night but we will see you again again again and again!!! ^^

Strawberry farm
Naofumi มาส่งเราที่ฟาร์ม มีเวลา 30นาที เพื่อเก็บสตรอเบอรี่กินเอง เพราะต้องนั่งรถบัสและ รถไฟไป Nikko ต่อ

Strawberry farm…กลิ่นมาเลย แค่ 30นาที ก็แน่นพุงแล้ว ฟาร์มนี้ ไม่จำกัดเวลา อยู่ได้ทั้งวัน ก็อยู่ไป 555

ฟาร์มจะอยู่ในโดมพลาสติก เพราะสตรอเบอรี่ ต้องการสภาพอากาศอบอุ่น

สดมาก ใหญ่มาก หวาน กรอบ อร่อย fresh big sweet very delicious!!

สมใจอยากสุดๆ

ถึงแล้วว Nikko!

กินสตรอเบอรี่กันจนแน่นพุงแล้ว Naofumi ก็ไปรับที่ฟาร์ม และมาส่งที่ท่ารถบัสแถวบ้าน บ้านฟาร์มอยู่แถวๆ ระหว่าง Mashiko and Moka นั่งรถบัสแถวบ้าน เพื่อไปที่ Utsunomiya Station และต่อรถไฟเพื่อไป Nikko อีกที คือรถบัส very local มาก เหมือนรถเมล์แถวๆรังสิต-ลำลูกกาเลย แต่มีแอร์นะ และก็มีหน้าจอบอกชื่อสถานี ทุกสถานี แต่ Only Japanese ก็ต้องอาศัยเดาอีกแหละ และก็ google map

Nikko ท้องฟ้าสะอาด สดใส มาก

อากาศเย็นสบาย เห็นหิมะประปราย

ซื้อตั๋วแบบ One day pass 500 yen เพื่อนเที่ยว Nikko

แต่ก็ได้ลงป้ายเดียว เพราะเวลาน้อย เราก็เลือกลงที่ Toshogu

หิมะ ประปราย มาซ้อมความหนาว ก่อนไป Hokkaido ^^

เป็นการเที่ยว Nikko แบบรวดเร็วมาก คือขอให้ได้มาถึงอะ เราชอบอารมณ์เวลาเดินทาง และชอบการค้นหาก่อนถึงที่หมาย ทริปชิวๆ ง่ายๆ อะไรก็ได้ เค้าว่ากันว่า Nikko มีที่เที่ยว 2 ฝั่ง ฝั่งนี้เป็นฝั่งมรดกโลก เราอยากไปฝั่งทะเลสาบ เหมือนกัน แต่เวลาน้อยไว้คราวหน้า ค่อยไปใหม่

ขากลับโตเกียว เรานั่งรถไฟจาก Tobu-Nikko Station to Akihabara เพราะถูกที่สุด รถไฟเล็กๆ สั้นๆ แต่ถึงที่หมายเหมือนกัน

* Nikko Station และ Tobu-Nikko Station คือ ใกล้กัน สามารถเดินถึงกันได้ กลับโตเกียวได้ทั้ง 2 สถานี

กลับถึง โตเกียว ก็มาอีก 1 ร้านโปรด Afuri Ramen เห็นมีอยู่หลายที่เหมือนกัน แต่เรากินแถว azabujuban st. เพราะที่พักอยู่แถวนี้, Azabujuban st. อยู่ในโซน Roppongi, Roppongi คือ โซนที่มีร้านอาหารอร่อย ดังนั้น ย่านนี้ ร้านอาหารอร่อยเยอะมาก

Tomorrow go to Hokkaidoooo……^^

[airbnb] เล่น Ski ครั้งแรกที่ Niseko Grand Hirafu Hokkaido : Winter in Japan 2016 Past 2 [END]